
กรุงโรมได้ทำการเปลี่ยนกงสุลใหม่ทั้งสองคนเพื่อให้คัดเลือดกงสุลใหม่ก็คือ ไกเนอุส เซอวีลิอุส กับไกอุส ฟลามิดิอุส ทั้งสองได้เข้าร่วมกันประชุมกับสภาโรมเพื่อวางแผนและป้องกันกองทัพคาร์เธจ ของแม่ทัพฮันนิบาล โดยมีคำสั่งจากสภาโรมว่าให้กงสุลทั้งสองพากองทัพทหารไปปิดกั้นทางเข้าเมือง ฝั่งตะวันออกและตะวันตก เพื่อป้องไม่ให้กองทัพคาร์เธจบุกเข้าโจมตี แม่ทัพฮันนิบาลไร้สิ้นทางออกเป็นอย่างมาก โดยโรมได้เหลือทางไว้ให้ไปแค่ 1 ทางซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีหนองน้ำ บริเวณใกล้ๆกับเขาอาร์โน ที่จุดๆนี้มีสิ่งมีชีวิตที่เป็นพิษอย่างมากมาย แต่แม่ทัพฮันนิบาลก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วจึงพากองทัพทหารคาร์เธจเดินฝ่า เข้าไป เป็นทางที่เดินทางยากที่สุดแล้วแต่แม่ฮันนิบาลก็จะทำมันให้ได้ ต้องผ่านไปหาโรมให้ได้ โดยจะนำพาเขาไปสู่ทางภาคกลางของโรมัน กองทัพคาร์เธจของฮันนิบาลต้องเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยและด้วยความยากลำบาก แต่เพียงเดินทางแค่ไม่กี่วันก็ถึงที่หมาย ใช้เวลาทั้งหมดอยู่ 4 วัน 3 คืน กองทัพของฮันนิบาลได้เดินข้ามเขาแอพเพนไนน์และเขตหนองน้ำของเขาอาร์โน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อช้างศึกของเขาได้ล้มตายบวกกับกำลังพลอีก ส่วนได้ถูกสัตว์มีพิษเข้าจู่โจม จนบาดเจ็บและล้มตายกันไปมากลตัวของแม่ทัพฮันนิบาลเองก็ด้วยที่ถูกสัตว์มีพิษ กัดเข้าที่ตาทำให้ตาข้างขวาของฮันนิบาลบอดสนิท เมื่อถึงที่หมายแล้วฮันนิบาลได้เจอกับของทัพของกงสุลโรม
ก็เลยวางแผนล่อกองทัพของโรมันให้ตามกองทัพของเขาไป โดยวางแผนให้กองทัพโรมันเดินทัพมาทางเรียบชายฝั่งทะเลสาบทราซิเมนและแบ่ง กำลังพลอีกส่วนให้ล่วงหน้าไปก่อน ฮันนิบาลได้นำกำลังพลตั้งค่ายที่ทะเลสาบทราซอเมน และเมื่อกองทัพทหารเดินผ่านทางทะเลสาบแต่กงสุลก็ไม่ได้คิดอะไร คิดเพียงแต่ว่าจะเข้าตีกองทัพคาร์เธจอย่างเดียว แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อกองทัพคาร์เธจแอบซุ่มโจมตีอยู่ในทะเลสาบทราซิเมน โรมันได้สูญเสียกำลังพลไปจนหมด รวมทั้งตัวของกงสุลเองก็เสียชีวิตในสนามรบอีกด้วย ศึกครั้งนี้โรมันเสียกำลังพลไปทั้งหมด 15000 นาย